ประวัติความเป็นมา กว่าจะมาเป็น “สบู่”

ประวัติความเป็นมา กว่าจะมาเป็น “สบู่”

ประวัติความเป็นมากว่าจะมาเป็น “สบู่”

สบู่ ของใช้ที่ทุกบ้านต้องมีและขาดไม่ได้ด้วย เคยสงสัยกันไหมว่าเจ้าสบู่ที่คุ้นหน้าคุ้นตาใช้งานกันทุกวัน กว่าจะมาเป็นสบู่ในทุกวันนี้จุดเริ่มต้นอยู่ตรงไหนกันนะ?

ต้นกำเนิดของสบู่

เมื่อมองย้อนไป 2,500 ปีก่อนสบู่ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยชาวสุเมเรียนได้สร้างสบู่ขึ้นมาจากการต้มน้ำให้เดือด แล้วผสมเข้ากับไขมันแพะ และขี้เถ้า โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างสบู่ขึ้นมาก็เพื่อใช้ทำความสะอาด เหมือนที่เราใช้ประโยชน์จากสบู่ในทุกวันนี้เลย แต่ในยุคนั้นจะนำสบู่ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาได้ ไปใช้กับการทำความสะอาดจานและขนสัตว์ก่อนการย้อมสี ต่อมาได้มีการค้นพบเอกสารทางการแพทย์ ช่วง 15000 ปีก่อนคริสตกาล ว่ามีการสร้างสบู่เพื่อนำมารักษาโรคผิวหนัง

จุดเริ่มต้นที่ทำให้คนหันมาใช้สบู่

ในช่วง 312 ปีก่อนคริสตกาล ได้มีการสร้างโรงอาบน้ำแห่งแรกในนครโรมัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นอาณาจักรที่มีความศิวิไลซ์ ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว ณ ขณะนั้น เมื่อมีโรงอาบน้ำเกิดขึ้น สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือสบู่ ที่ใช้ช่วยในการชำระล้างร่างกายให้สะอาด เมื่อวัฒนธรรมของอาณาจักรโรมันกำลังรุ่งเรือง การใช้สบู่อาบน้ำจึงเป็นที่นิยม แต่เมื่อถึงกาลต้องล่มสลายของอาณาจักรโรมัน การใช้สบู่อาบน้ำก็ไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไป

จนกระทั่งในช่วงศตวรรษที่ 8 สบู่จึงกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งในแถบประเทศยุโรป ได้แก่ อิตาลี ฝรั่งเศส และสเปนอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายปี ค.ศ. 1600 ผู้คนเริ่มตื่นตัวเรื่องสุขอนามัยโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ จึงหันมาให้ความสำคัญกับการอาบน้ำและใช้สบู่กันอย่างล้นหลาม

สบู่ช่วยสร้างรายได้มาตั้งแต่อดีต

ใครจะไปคิดว่าสบู่จะสามารถทำให้กลายเป็นเศรษฐีได้เพียงชั่วข้ามคืน ย้อนกลับไปในปีค.ศ. 1879 ฮาร์เลย์ พร็อกเตอร์ และเจมส์ แกมเบิลได้กลายเป็นเศรษฐีด้วยความไม่ตั้งใจ ลืมปิดเครื่องผสมสบู่ ทำให้สบู่ผสมอยู่ในเครื่องเป็นเวลานาน จนทำให้สบู่ที่ผลิตออกมามีน้ำหนักเบา และมีคุณสมบัติพิเศษ “ลอยน้ำได้”  เนื่องจากสบู่ได้ผสมอยู่ในเครื่องเป็นเวลานานจนฟองอากาศเข้าไปแทรกในเนื้อสบู่ ด้วยความพิเศษนี้เอง ทำให้สบู่ของเขาทั้งสองขายดิบขายดี จนกลายเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืน

สบู่เข้ามาในไทยเมื่อไหร่?

ก่อนที่จะมีการใช้สบู่ในการอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณ คนไทยจะใช้สมุนไพรในการประทินผิว ซึ่งจากการสืบเสาะหาที่มีของคำว่า “สบู่” ในภาษาไทย พบว่าคำว่าสบู่ เพี้ยนมาจากคำว่า "sabão" ในภาษาโปรตุเกส จึงสันนิษฐานได้ว่าพ่อค้าที่มาจากประเทศโปรตุเกส ได้นำสบู่เข้ามาขายในประเทศไทยตั้งแต่สมัยอยุธยา ซึ่งผู้ที่นำเข้าอาจไม่ใช่พ่อค้าเพียงอย่างเดียว อาจเป็นผู้ที่เข้ามารับราชการ และอาศัยอยู่ในประเทศไทย

หรืออีกข้อสันนิษฐานคือสบู่ก้อนได้เข้ามาในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2470 นำเข้ามาโดยชาวญี่ปุ่นที่ได้รับมาจากยุโรปอีกทอดหนึ่ง โดยจะเป็นสบู่อเนกประสงค์ที่สามารถใช้ได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า และยังนำมาใช้ในครัวเรือน ซักผ้า ล้างจานได้อีกด้วย ซึ่งคำว่าสบู่ก็อาจเกิดจากการที่คนไทยสมัยนั้นได้ยินคำว่าโซปปุ ที่ญี่ปุ่นเรียก Soap ในภาษาอังกฤษแต่ออกเสียงในแบบญี่ปุ่น จึงเพี้ยนมาเป็นสบู่ที่ใช้จนถึงปัจจุบัน

ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวการเดินทางของสบู่ กว่าจะมาเป็นสบู่แบบที่เราเห็นในปัจจุบัน ซึ่งสบู่ก็อยู่คู่กับมนุษย์มานานกว่าที่คิดเสียอีก จนปัจจุบันสบู่ก็ยังเป็นสิ่งที่มนุษย์เราขาดไม่ได้ ยิ่งในปัจจุบันที่โรคภัยไข้เจ็บมีมากมายหลายชนิด คนเจ็บป่วยกันง่าย ความสำคัญของสบู่ในชีวิตประจำวันจึงไม่มีวันลดลง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้